สวัสดีค่ะ
ยังอยู่กับการเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงเพราะนะคะ วันนี้มีเวลาว่าง เดือนยี่จึงมีโอกาสนั่งอ่านนิตยสาร
I get English (ที่ซื้อมาหลายวันแล้ว) ไปเจอบทความหนึ่ง แปลเพลงบูมเมอแรงของวง No More Tear เลยอยากเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆ Let’s learn together!
บูมเมอแรง
ใจมันจำเธอไม่จางห่างกันไปไม่นาน
นอนละเมอมันทุกวันก็ใจมันต้องการจะเจอ
ฉันจึงต้องวนกลับมา หมุนมาให้เจอกับเธอ
ตามมาตื้อกันจนเจอ มาจนกว่าเธอจะให้ใจ
ก็เพราะว่าตัวฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง
ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว
ฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง ขว้างไปทุกแห่งก็มาที่เดิม
เธอเป็นคนขว้างไปอย่างเยื่อใยไม่มี
ยังวนเวียนมาทุกทีคอยจะคลุกคลีตลอด
ถึงเธอนั้นคอยผลักไส
ถึงตัวฉันเองจะไป
แต่ไปไหนไม่เคยไกล
ใจมันก็ลอยมาหาเธอ
Boomerang
My heart reminds me of you although we’ve been apart for just awhile
Everyday I sleeptalk about you as I really want to see you
So I return, coming back to you
And will be dangling around until you give me your heart
Because I’m just like a boomerang
The harder you throw it, the faster it will come back
I’m like a boomerang swerving back to its starting place
You are the one who threw me coldly
But it always turns back, circling around you
Although you push me away,
I’ll never be too far away
My heart flies back to you
คำศัพท์
Sleeptalk นอนละเมอ
Dangle around ตามตื้อ ตามจีบ ติดสอยห้อยตาม
Push someone away ผลักไส
เจอกันใหม่กับบทความหน้านะคะ หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยค่ะ
ขอบคุณ iget English ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Regret and Grieve from Twilight
หนังสือเล่มโปรดเล่มหนึ่งของเดือนยี่ก็คือเรื่อง twilight ซึ่งได้ทำเป็นหนังลือลั่นสนั่นเมืองมาแล้วหนึ่งภาค และอีกภาคหนึ่งที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ ก็คือเรื่อง new moon เป็นภาคต่อ ซึ่งภาคนี้มีเนื้อหาอันเจ็บปวดของรักสามเส้า (อ่ะนะ คนไม่มีสักเส้าอย่างเราก็เจ็บปวดเหมือนกันนะ ^^)ยังไงก็ไปช่วยกันอุดหนุนหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษกับเดือนยี่บทความนี้จะเกี่ยวกับเรื่อง twilight นี่ล่ะ
เดือนยี่จะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือเล่มนี้มาสั้นๆ และก็จะดูว่าประโยคไหนที่น่าสนใจบ้าง พร้อมแล้ว เริ่มได้ ^^
I knew that if I'd never gone to Forks, I wouldn't be facing death now. But,terrified as I was, I couldn't bring myself to regret the decision. When life offers you a dream so far beyond any of your expectations, it's not reasonable to grieve when it comes to an end.
The hunter smiled in a friendly way as he sauntered forward to kill me.
คำศัพท์ที่น่าสนใจคือคำว่า
regret และ grieve
สองคำนี้มีความหมายใกล้เคียงกันคือความเสียใจ แต่ในความเหมือนย่อมมีความแตกต่างอยู่นะคะ
regret เป็นคำกริยา (vt) มีความหมายว่า เสียใจ โทมนัส
ตัวอย่างการใช้ดังประโยคข้างต้น "I couldn't bring myself to regret the decision."
regret นั้นเป็นคำกริยาต้องการกรรม ซึ่งในที่นี้ก็คือ decision นั่นเอง
grieve เป็นคำกริยาเช่นกันแต่ต้องระวังตอนใช้เพราะมีสองนัยยะคือ
vi แปลว่า เสียใจ ,สลดใจ
vt แปลว่า ทำให้เสียใจ ทำให้สลดใจ
ประโยคที่ได้ยกมาข้างต้น "it's not reasonable to grieve when it comes to an end"
grieve ในที่นี้มีความหมายว่า เสียใจ ไม่ใช่ทำให้เสียใจ แต่หากเราจะใช้ grieve ในความหมายว่าทำให้เสียใจเราสามารถพูดได้ว่า "My boyfriend grieves me by his words"
My boyfriend grieves me by his words, and then he has to regrets what he had done.
นี่ละคะคือความต่างของทั้งสองคำ
เพราะฉะนั้นเวลาเราจะใช้คำกริยาสองตัวนี้เราต้องระวังนิดนะคะ เพราะถ้าเราไม่เข้าใจจริงๆ และใช้อย่างผิดๆ คนฟังเขาจะไม่เข้าใจนะคะ
(หมายเหตุ vi คือกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ส่วน vt เป็นกริยาที่ต้องการกรรม)
ป.ล.บทความนี้อาจมีข้อผิดพลาด หากมีข้อแนะนำกรุณาส่งเมล์มาที่ i3usaya@gmail.com นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษกับเดือนยี่บทความนี้จะเกี่ยวกับเรื่อง twilight นี่ล่ะ
เดือนยี่จะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือเล่มนี้มาสั้นๆ และก็จะดูว่าประโยคไหนที่น่าสนใจบ้าง พร้อมแล้ว เริ่มได้ ^^
I knew that if I'd never gone to Forks, I wouldn't be facing death now. But,terrified as I was, I couldn't bring myself to regret the decision. When life offers you a dream so far beyond any of your expectations, it's not reasonable to grieve when it comes to an end.
The hunter smiled in a friendly way as he sauntered forward to kill me.
คำศัพท์ที่น่าสนใจคือคำว่า
regret และ grieve
สองคำนี้มีความหมายใกล้เคียงกันคือความเสียใจ แต่ในความเหมือนย่อมมีความแตกต่างอยู่นะคะ
regret เป็นคำกริยา (vt) มีความหมายว่า เสียใจ โทมนัส
ตัวอย่างการใช้ดังประโยคข้างต้น "I couldn't bring myself to regret the decision."
regret นั้นเป็นคำกริยาต้องการกรรม ซึ่งในที่นี้ก็คือ decision นั่นเอง
grieve เป็นคำกริยาเช่นกันแต่ต้องระวังตอนใช้เพราะมีสองนัยยะคือ
vi แปลว่า เสียใจ ,สลดใจ
vt แปลว่า ทำให้เสียใจ ทำให้สลดใจ
ประโยคที่ได้ยกมาข้างต้น "it's not reasonable to grieve when it comes to an end"
grieve ในที่นี้มีความหมายว่า เสียใจ ไม่ใช่ทำให้เสียใจ แต่หากเราจะใช้ grieve ในความหมายว่าทำให้เสียใจเราสามารถพูดได้ว่า "My boyfriend grieves me by his words"
My boyfriend grieves me by his words, and then he has to regrets what he had done.
นี่ละคะคือความต่างของทั้งสองคำ
เพราะฉะนั้นเวลาเราจะใช้คำกริยาสองตัวนี้เราต้องระวังนิดนะคะ เพราะถ้าเราไม่เข้าใจจริงๆ และใช้อย่างผิดๆ คนฟังเขาจะไม่เข้าใจนะคะ
(หมายเหตุ vi คือกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ส่วน vt เป็นกริยาที่ต้องการกรรม)
ป.ล.บทความนี้อาจมีข้อผิดพลาด หากมีข้อแนะนำกรุณาส่งเมล์มาที่ i3usaya@gmail.com นะคะ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เรียนภาษาจากเพลง One more Try - A1

เดือนยี่ชอบฟังเพลงสากลมาก บางครั้งฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็เป็นไปตามยถากรรมอ่ะนะ แต่มีวันหนึ่งที่คิดว่ายังไงๆ ก็ต้องเข้าใจเพลงพวกนี้ตลอดทั้งเพลงให้ได้ จึงเริ่มที่จะแปลเพลง เพลงที่เราจะลองฝึกฝนการแปลก็คือเพลง One More Try ของ A1 ลองอ่านดูนะคะ ถ้าเจอข้อผิดพลาดก็ช่วยกันแก้ไขด้วยน้า ^^
One More Try
Could be your eyes, could be your smile
Could be the way you freed my mind
Your precious touch caressed my soul
You gave me everything I need
And now I'll lost, lost forever
* Lost forever, and you said this is going nowhere, girl
And you said I turned my back on
You said I'm not the only one for you
** Please give me one more try for the sake of our love
Let's give it one more chance coz I can't give you up
I can't live one more day without you in my arms
I could never find another like you
Could be the lies, could be my pride
Could be the days and nights so wild
Could be the times I wasn't there
And all the nights we didn't share
And now you've lost, lost forever
[Repeat * , **]
I can't sleep, I can't live without you by my side
So cold, so lost without you as my guide
You made me realise I've nothing, nothing without you
[Repeat **]
Baby give me one last try
เป็นที่ดวงตาของเธอ, เป็นที่รอยยิ้มของเธอ
หรืออาจเป็นวิธีที่เธอปลดปล่อยจิตใจฉันให้เป็นอิสระ
สัมผัสที่อ่อนโยนของเธอโอบกอดจิตวิญญานของฉัน
เธอให้ทุกสิ่งที่ฉันต้องการ
และตอนนี้ฉันกำลังจะสูญเสียมันไปตลอดกาล
เธอบอกฉันว่า มันไม่ได้หายไปไหน
และเธอก็บอกว่า ฉันหันหลังให้กับมัน
เธอบอกว่า ฉันไม่ใช่คนนั้นของเธอ
เพื่อเห็นแก่ความรักของเราได้โปรดให้ฉันได้พยายามอีกครั้ง
ให้โอกาสความรักของเรา เพราะฉันไม่สามารถหยุดรักเธอได้
ฉันไม่สามารถอยู่ได้แม้แต่เพียงวันเดียวโดยปราศจากเธอในอ้อมแขนฉัน
ฉันหาใครเหมือนเธอไม่ได้อีกแล้ว
เป็นเพราะคำโกหกทั้งหลาย,หรืออาจเป็นความทิฐิของฉัน
เป็นวันคืนที่แสนโหดร้าย
เป็นเพราะเวลานั้นฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
และทุกค่ำคืนเราไม่ได้ร่วมแบ่งปัน
และตอนนี้เธอก็หายไป,หายไปตลอดกาล
ฉันนอนไม่ได้, ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอข้างกาย
หนาวเหลือเกิน,ฉันหลงเมื่อไม่มีเธอเป็นผู้นำทาง
เธอทำให้ฉันได้รู้ว่าฉันไม่เหลืออะไร ไม่มีอะไรเลยเมื่อขาดเธอ
เพื่อเห็นแก่ความรักของเราได้โปรดให้ฉันได้พยายามอีกครั้ง
ให้โอกาสความรักของเรา เพราะฉันไม่สามารถหยุดรักเธอได้
ฉันไม่สามารถอยู่ได้แม้แต่เพียงวันเดียวโดยปราศจากเธอในอ้อมแขนฉัน
ฉันหาใครเหมือนเธอไม่ได้อีกแล้ว
ที่รักให้ฉันพยายามครั้งสุดท้าย
คำศัพท์จากเพลง
Precious คือ มีค่า ล้ำค่า เป็นที่รัก ทูนหัว พิถีพิถัน ละเอียดถี่ถ้วน
Caressed คือ สัมผัส ลูบ กอดจูบ ประเล้าประโลม
Soul คือ วิญญาณ จิตวิญญาณ พลังจิต แก่นสาร แบบฉบับ
Pride คือ ความภาคภูมใจ ทิฐิ ความโอหัง ความหยิ่ง ความทะนง
Wild คือ ดุร้าย รุนแรง ไม่ได้ยับยั้ง คลั่ง ไม่เชื่อง
Share คือ ส่วนหนึ่ง ส่วนแบ่ง หุ้นส่วน
ภาษาอังกฤษเรียนง่ายๆ คุณก็ทำได้

ภาษาอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด
สวัสดีค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก กว่าจะพูดได้คงต้องไปเรียนเมืองนอกเมืองนา แต่สำหรับเดือนยี่นะคิดว่ายากง่ายมันอยู่ที่ความพยายามและความเชื่อมั่นของแต่ละคนมากกว่า
เดือนยี่เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน ไม่มีเงินไปเรียนที่สถาบันสอนภาษาชื่อดัง และไม่เคยย่างเท้าออกไปไกลกว่าแผ่นดินเกิดเลย (รักเมืองไทยค่ะ) แต่ว่าก็เป็นเด็ก (บ้านนอก) คนหนึ่งที่มีความฝันที่อยากจะฟุดฟิดฟอไฟให้ได้อย่างใครๆ เขา
สิ่งที่เดือนยี่ทำก็คือฝึกฝนด้วยตนเอง หัดอ่านหัดฟังให้มากๆ และก็พยายามสังเกตสิ่งต่างๆ นอกจากนี้ เดือนยี่ก็พยายามบอกตัวเองเสมอว่า “เราทำได้” อีกสิ่งหนึ่งที่เดือนยี่คิดเสมอคือการเรียนไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นเดือนยี่จึงทำบล็อกนี้ขึ้นเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ^^ ยังไงก็มาร่วมเรียนรู้ภาษาอังกฤษร่วมกันนะคะ
Hi everybody! I am Duern Yi
Some may think that English is difficult to understand. You should have a chance to go aboard or study at international language institute in order to practice your English skill. But for me, it does depend on how diligent you are. More over, you have to believe in yourself.
I am the one who isn’t rich. I don’t have enough money to study in famous language institute or go aboard. But I am an upcountry girl who dreams about speaking English like a native speaker.
All I have to do is self-learning. I try hard to read and listen a lot. And the most important thing is telling myself that “I can do it”. Last but not least, I believe that learning is eternity, so I finally create this blog to use it as a place for sharing and exchanging knowledge. Let’s learn together!
I apologize for any mistakes I did. I’m looking forward to your advice.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)